top of page
Search

ลงทุนธุรกิจโรงแรมรีสอร์ทควรลงทุนด้วยงบประมาณเท่าไหร่

  • Writer: dithanon Khrutmuang
    dithanon Khrutmuang
  • Jun 4
  • 2 min read

จากที่ผมได้เคยทำคลิป กฎ 50 30 20 ลงทุนในธุรกิจรีสอร์ท บริหารรีสอร์ทด้วยการวางกลยุทธ์ ซึ่งน่าจะพอเป็นแนวทางในการเริ่มต้นสร้างธุรกิจโรงแรมหรือรีสอร์ทให้กับคุณได้



เรามาทบทวนกฎการลงทุนกันสักเล็กน้อย ผมได้แบ่งมันออกเป็น 3 ส่วน คือ

  1. งบลงทุนระยะยาว

  2. งบลงทุนระยะสั้นใช้แล้วหมดไป

  3. งบลงทุนระยะสั้นใช้แล้วยังคงอยู่ต่อไป


โดยปกติเวลาที่คุณจะเริ่มต้นลงทุนสร้างธุรกิจโรงแรมรีสอร์ท หรือแม้กระทั่งคุณดำเนินธุรกิจมานานแล้ว คุณจะไม่มีวันหลีกหนีประเภทการลงทุนในธุรกิจเหล่านี้ได้เลย


ส่วนที่ 1 งบลงทุนระยะยาว


หลักๆจะเป็นงบลงทุนในเรื่องที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง โดยปกติในงบส่วนนี้ผู้ประกอบการส่วนใหญ่จะใช้เงินลงทุนจากการกู้เงินมาลงทุน งบประมาณในส่วนนี้ผู้ประกอบการต้องระวังดอกเบี้ยไว้ให้ดี เราต้องพึงประเมินกำไรจากธุรกิจของเราว่ามีเพียงพอมาจ่ายดอกเบี้ยรึเปล่า ที่ต้องเน้นคือเป็นกำไรนะครับ ไม่ใช่รายได้ เพราะหากสุดท้ายแล้วกำไรบางส่วนยังเหลือเพียงพอหลังจ่ายดอกเบี้ยธนาคารไปแล้ว จะทำให้คุณเหลือกำไรเพียงพอคืนกลับมาพัฒนาธุรกิจต่อหรือเป็นรางวัลให้คุณเอง อีกทั้งในส่วนที่ดินส่วนใหญ่มีมูลค่าสูงขึ้นเรื่อย ๆ นั้นเป็นสินทรัพย์ให้คุณและเป็นจุดเด่นของการทำธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ท


ส่วนที่ 2 งบลงทุนระยะสั้นใช้แล้วหมดไป


เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ อินเตอร์เน็ต ค่าจ้างพนักงาน ต้นทุนอาหารสำหรับลูกค้าที่เข้ามาพัก ค่าซ่อมแซมที่พัก เป็นต้น เป็นต้นทุนที่คุณจ่ายไปแล้ว คุณจะไม่มีวันได้คืนกลับมา เพราะนี่คือการลงทุนเพื่อให้ลูกค้าของคุณมีความสุข หากคุณละเลยที่จะไม่ลงทุนในส่วนนี้ ลูกค้าของคุณจะไม่พอใจ จนส่งผลเสียต่อธุรกิจของคุณอย่างแน่นอน


ส่วนที่ 3 งบลงทุนระยะสั้นใช้แล้วยังคงอยู่ต่อไป


เช่น งบประมาณโฆษณา ทำการตลาด เพื่อเพิ่มชื่อเสียงและการรับรู้


ตัวอย่าง คุณลงทุนสร้างเว็บไซต์และสร้างเนื้อหาที่น่าสนใจดึงดูดผู้เข้าพัก หรือ โปรโมทให้ผู้คนเข้าพักเอเจนซี่ OTA เช่น Agoda ,Trip แน่นอนย่อมมีค่าใช้จ่าย แต่เป็นเรื่องสำคัญเพื่อให้ผู้เข้าพักตัดสินใจเลือกที่พักของคุณ ถึงแม้งบลงทุนในส่วนที่ 3 จะไม่สามารถคืนทุนเป็นเงินให้แก่ผู้ประกอบการได้โดยตรงเหมือนในส่วนที่ 1 แต่การคืนทุนในส่วนที่3 นี้อาจเป็นการคืนกำไรให้คุณอ้อมๆผ่านชื่อเสียงของที่พัก รีวิว และการมองเห็นที่มากขึ้นในออนไลน์เพื่อการตัดสินใจจองของลูกค้ารายถัดไป



ประยุกต์ใช้กฏ 50 30 20 กับโรงแรมหรือรีสอร์ทของคุณ


  1. งบลงทุนระยะยาวใช้สัดส่วน 50%

  2. งบลงทุนระยะสั้นใช้แล้วหมดไปใช้สัดส่วน 30%

  3. งบลงทุนระยะสั้นใช้แล้วยังคงอยู่ต่อไปใช้สัดส่วน 20%


โดยปกติแล้วงบลงทุนระยะยาวอาจให้น้ำหนักประมาณ 50 % ของการลงทุน คิดง่ายๆหากวันนี้คุณมีเงินเก็บสักก้อนหนึ่ง สมมุติคุณมีเงินเก็บ 1 ล้านบาท กู้เงินจากธนาคารมาได้ 3 ล้านบาท ดอกเบี้ย 3% ต่อปี รวมแล้วตอนนี้คุณมีเงินลงทุนทั้งหมด 4 ล้านบาท ให้คุณลองแบ่งเงิน 4 ล้านบาท ออกเป็น 3 ส่วน


ส่วนที่ 1 งบลงทุนระยะยาว 50%


คุณจะมีงบประมาณในการลงทุนเรื่องที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ประมาณ 2 ล้านบาท ซึ่งคุณต้องแน่ใจว่า คุณต้องมีกำไรต่อปีไม่น้อยกว่าดอกเบี้ยธนาคาร ซึ่ง 3% ของ 3 ล้านบาท คือ 9 หมื่นบาท นั้นแปลว่าธุรกิจของคุณต้องสามารถสร้างกำไรได้มากกว่า 9 หมื่นบาทต่อปี ซึ่งถ้าคุณทำข้อนี้ได้ ผมยินดีด้วยครับ คุณได้ไปต่อ


ส่วนที่ 2 งบลงทุนระยะสั้นใช้แล้วหมดไป


ในส่วนนี้ถึงแม้เป็นงบประมาณจำเป็นที่ต้องใช้เพื่อให้ลูกค้าของคุณมีความสุขเมื่อเข้าพัก แต่ผมมีข่าวดีจะมาบอกว่า คุณสามารถลดงบลงทุนในส่วนนี้ได้โดยที่ลูกค้าของคุณยังคงมีความสุขดีเหมือนเดิม เพียงแค่คุณมีการบริหารการจัดการที่ดีขึ้น ยกตัวอย่าง คุณมีเงินลงทุนในส่วนนี้ประมาณ​ 30% ของ 4 ล้านบาทใช่ไหมครับ ประมาณ 1.2 ล้านบาท คุณไม่จำเป็นต้องใช้งบส่วนี้ให้หมดไปก็ได้ครับ แต่การบริหารที่ดีของคุณที่ใช้ Dataในธุรกิจของคุณเองและเทคโนโลยีอย่าง AI เข้ามาช่วย จะทำให้คุณเข้าใจพฤติกรรมลูกค้ามากยิ่งขึ้น ตัวอย่าง รีสอร์ทของผมมีการจ้างพนักงานพาร์ทไทม์เข้ามาช่วยดูแลลูกค้าในช่วงเวลาที่พอดีกับการจองของลูกค้า จากการดูข้อมูลช่วงเวลาที่ลูกค้าเข้าพักเพื่อเตรียมทีมงานให้พร้อม


รูป 1 : ภาพแสดงการคาดการณ์โดยใช้ AI ทำนายว่าลูกค้าจะเข้ามาพักประมาณกี่คน
รูป 1 : ภาพแสดงการคาดการณ์โดยใช้ AI ทำนายว่าลูกค้าจะเข้ามาพักประมาณกี่คน

คุณจะเห็นได้ว่าหากเราใช้ Data ที่ทางที่พักเก็บเอาไว้ มาประยุกต์ใช้กับเทคโนโลยี การตัดสินใจในเรื่องต่างๆของคุณจะง่ายขึ้น ลูกค้ามีความสุขมากขึ้น และกำไรให้คุณมากขึ้น


ส่วนสุดท้าย


ส่วนที่ 3 งบลงทุนระยะสั้นใช้แล้วยังคงอยู่ต่อไป


เช่น งบประมาณโฆษณา ทำการตลาด เพื่อเพิ่มชื่อเสียงและการรับรู้ ในส่วนนี้ Data และ AI ก็ยังช่วยให้คุณต้ดสินใจได้ว่าแท้จริงแล้วที่พักของคุณควรเน้นไปที่ช่องทางการจองแบบไหนจะได้กำไรดีที่สุด เพราะตัวเลือกที่มากมายทั้งการทำลงทุนโปรโมทที่พักด้วยตัวเอง หรือ ลงที่พักผ่านทาง OTA อีกทั้งจะเลือกของใคร เจ้าไหนดี Data ก็ช่วยให้คุณตัดสินใจง่ายขึ้นเช่นกัน


รูป 2 : ภาพแสดงรายได้จากการจองที่พักด้วยช่องทางต่างๆของ Ozone by Bankhaokho จ.เพชรบูรณ์ รีสอร์ทของเราเอง
รูป 2 : ภาพแสดงรายได้จากการจองที่พักด้วยช่องทางต่างๆของ Ozone by Bankhaokho จ.เพชรบูรณ์ รีสอร์ทของเราเอง

ทั้งนี้ในเรื่องอัตราสัดส่วนคุณเองสามารถยืดหยุ่นและปรับใช้เป็นของตัวเองได้ เช่น หากธุรกิจที่พักของคุณช่วงแรกอยู่ในระหว่างก่อสร้างใหม่หรือต่อเติม งบประมาณในส่วนงบลงทุนระยะยาวอาจให้มากกว่า 50% ก็ได้ แต่เมื่อการลงทุนในโครงสร้างระยะยาวหมดแล้ว ก็อาจจัดสรรงบลงทุนระยะยาวให้น้อยกว่า 50% ได้เพื่อไปใช้พัฒนาในส่วนอื่นแทน แต่อย่างน้อยสัดส่วนในส่วนนี้ไม่ควรต่ำกว่า 30% เพื่อให้คุณสามารถมีเงินไว้ซ่อมแซมปรับปรุงที่พักของคุณให้ดูดีและทันสมัยอยู่เสมอ



ที่พักขนาดเล็ก

ที่พักขนาดกลาง

ที่พักขนาดใหญ่

รายได้หรือคาดการณ์รายได้ต่อปี

ไม่เกิน 2.5 ล้านบาท

2.5 ล้านบาท ถึง 10 ล้านบาท

มากกว่า 10 ล้านบาทขึ้นไป

งบการลงทุนระยะยาว

50%

40%

30%

งบลงทุนทีมงานเพื่อสร้างบริการที่ดี

30%

40%

50%

การตลาดสมัยใหม่และเทคโนโลยี AI

20%

20%

20%

สังเกตได้ว่าที่พักขนาดเล็กจะมีทีมงานที่น้อยกว่า แต่สำหรับที่พักขนาดใหญ่โดยเฉพาะกับโรงแรมหรือรีสอร์ทที่สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว งบลงทุนส่วนใหญ่จะไปอยู่กับเงินเดือนพนักงานเป็นส่วนใหญ่


ข้อสังเกต


ที่พักขนาดใหญ่สามารถที่จะนำเทคโนโลยี AI มาช่วยจัดการลดต้นทุนในบางตำแหน่งงานที่ AI สามารถเข้ามาช่วยได้ เช่น การจัดการบัญชี และ การตลาด


ในทางกลับกันธุรกิจที่พักขนาดเล็กอาจเป็นเรื่องยากที่จะลงทุน AI แต่ขอให้เริ่มต้นใช้เทคโนโลยีที่จัดการข้อมูลจองที่พักอัตโนมัติ อย่าง Channel Manager และนำ Data ที่ได้มาวิเคราะห์ต่อสร้างเป็น Data Visualization เพื่อการตัดสินใจปัญหาธุรกิจที่เฉียบคมมากยิ่งขึ้น


สุดท้ายกฎ 50 30 20 ที่ไว้ลงทุนในธุรกิจที่พัก คุณเองจำเป็นต้องนำกฎเหล่านี้ไปประยุกต์ใช้ด้วย Data ที่คุณมี แต่หากคุณไม่แน่ใจ ไม่สะดวกที่จะทำด้วยตัวเอง เรายินดีที่จะทำสิ่งที่ดูเหมือนยากให้เป็นเรื่องง่ายให้ธุรกิจคุณ



 
 
 

Comments


bottom of page