สัตว์วิเศษสำคัญมากกว่าผู้ขี่
- dithanon Khrutmuang
- Apr 1
- 2 min read
A remarkable aspect of your mental life is that you are rarely stumped
Daniel Kahneman ผู้เขียนThinking, Fast and Slow
หากต้องเลือกระหว่างผู้ขี่ที่หมายถึงเจ้าของกิจการที่ฉลาดเพรียบพร้อมไปด้วยประสบการณ์ กับ สัตว์วิเศษที่เก่งกาจ คุณว่า 2 สิ่งไหนที่พาธุรกิจไปได้ไกลกว่ากัน
หากวันนี้เจฟ เบซอส เริ่มต้นธุรกิจใหม่ โดยที่พกพาทั้งประสบการณ์จากการทำงานจาก Amazon มาลองทำธุรกิจใหม่ และใช้ประสบการณ์และความสามารถเฉพาะตัวในการตัดสินใจ ไม่ได้พึ่งพาเทคโนโลยี หรือข้อมูล เทียบกับ นักธุรกิจใหม่พึ่งจบจากมหาวิทยาลัยนามว่า Mr.Nobody แต่ Nobody กับเพื่อนๆร่วมธุรกิจของเขาได้สร้างฐานข้อมูลเพื่อนำมาวิเคราะห์ และใช้เทคโนโลยี AI มาช่วยในการตัดสินใจ
คุณว่าระหว่าง เจฟ เบซอส ในเวอร์ชั่นไม่พึ่งพาสัตว์วิเศษ กับ Mr.Nobody ที่พึ่งพาสัตว์วิเศษประเภทอูฐ ใครจะเหนือกว่ากันหากต้องมาแข่งขันในอุตสาหกรรมธุรกิจเดียวกัน
เจฟ เบซอส อาจได้เปรียบในยกแรกเหนือ Mr.Nobody ในเรื่องการตัดสินใจที่ฉับไว ไม่ต้องพึ่งพาข้อมูล ไม่ต้องถาม AI ให้ยุ่งยาก เพราะเรื่องธุรกิจเคยผ่านมาก่อนตั้งเยอะแล้ว ธุรกิจใหม่เล็กๆจะไปยากอะไร
แต่อันที่จริงในกลไกสมองมนุษย์ที่ทาง Daniel Kahneman ผู้เขียนThinking, Fast and Slow ได้กล่าวไว้ A remarkable aspect of your mental life is that you are rarely stumped
และเหตุการณ์นี้ย่อมเกิดเช่นเดียวกันกับ เจฟ เบซอส เพราะแม้ว่าเขาเป็นคนเก่ง แต่เขาก็คือมนุษย์คนหนึ่ง การตัดสินใจด้วยความไวย่อมเกิดผลเสียมากกว่า แต่หากลองตัดสินใจช้าดูสักนิด พึ่งพา Data และ AI ดูสักหน่อย Mr.Nobody หรือแม้แต่คุณก็สามารถชนะ เจฟ เบซอส ได้ไม่ต่างกัน
โลกหลังปี 2024 มีการตัดสินใจเพียง 3 แบบ
จากคำกล่าวของ Eric Schmidt ในหนังสือ The Age of AI and Our Human Future ที่พูดถึงการตัดสินใจในโลกจะมีเพียง 3 แบบ นั้นคือ
การตัดสินใจโดยมนุษย์
การตัดสินใจโดย AI
การตัดสินใจโดยมนุษย์ร่วมกับ AI
โดยในข้อแรกการตัดสินใจโดยมนุษย์นั้น โลกเราก่อนปี 2024 เราทุกคนร่วมถึงผู้ประกอบการต่างตัดสินใจโดยวิธีแบบนี้เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ตัวอย่าง การตัดสินใจลงทุนเพิ่ม หรือ ตัดสินใจยุติผลิตภัณฑ์บางรายการที่ไม่ก่อให้เกิดกำไร ถึงแม้ว่าในสมัยก่อนเราใช้มีวิธีการตัดสินใจแบบหลายๆสมองร่วมกัน โดยการจัดประชุมเพื่อหาผู้เกี่ยวข้องร่วมกันลงมติ แต่ทุกคนในห้องประชุมทุกคนก็คือมนุษย์ เป็นมนุษย์ที่มีหลายสมองเพื่อร่วมการตัดสินใจในการสร้างโอกาสหรือแก้ไขปัญหาธุรกิจ แต่นั้นก็ยังไม่ดีพอในยุคปัจจุบัน
มนุษย์ = ผู้เล่นเกมบันไดงู
ผู้เล่นในฐานะผู้นำองค์กร มีสิทธิ์เลือกที่จะตัดสินใจด้วยเพียงการใช้เพียงสมองว่าต้องการให้ธุรกิจหรือบริษัทมุ่งไปทางไหน และทุกๆการตัดสินใจอาจส่งผลทั้งดีหรือเลวร้ายต่อ ความสามารถในการทำกำไร P (Profitability) ,ความพึงพอใจของลูกค้า C(Customer Satisfaction) และ ความสามารถในการเติบโต G(Business Growth)
หรือผู้เล่นจะเลือกขี่สัตว์วิเศษเเพื่อช่วยผู้เล่นในการตัดสินใจ ผู้เล่นเกมสามารถเลือกที่ขี่สัตว์วิเศษเพื่อเสริมความสามารถให้สุัตว์วิเศษนำพาธุรกิจไปได้ไกลและเร็วกว่าเดิม ถ้าคุณโชคร้ายเลือกขี่สัตว์วิเศษเช่นไดโนเสาร์ คุณเองก็จะเคลื่อนที่ได้ช้าและอาจพาธุรกิจของคุณไปไม่ถึงไหน เพราะไดโนเสาร์เป็นตัวแทนของการดำเนินธุรกิจที่ล้าหลัง Old School Business ไม่ได้ใช้ประโยชน์จาก Data และ AI
แต่ถ้าคุณโชคดีเลือกสัตว์วิเศษที่ทรงพลังอย่าง ยูนิคอร์น หรือ อูฐ ธุรกิจคุณจะได้พึ่งพาการตัดสินใจโดยใช้ข้อมูล รวมถึง AI นั้นทำให้ธุรกิจของคุณถึงเป้าหมายได้รวดเร็วกว่า โดยผมจะอธิบายเพิ่มเติมในบทถัดไปว่าสัตว์วิเศษ ยูนิคอร์นกับอูฐต่างกันอย่างไร
ใจความสำคัญของสัตว์วิเศษคือ ความสามารถที่ซ้อนเร้นอยู่ภายในบริษัท หากคุณเลือกที่จะให้สัตว์วิเศษเดินไปกันเอง ก็ไม่ต่างอะไรจากการเปิดเครื่องจักรในโรงงานโดยไร้ผู้ควบคุม ในกรณีสัตว์วิเศษ เช่น ยูนิคอร์น หรือ อูฐ หากคุณไม่ได้ควบคุมหรือขี่มัน นั้นเท่ากับว่าคุณกำลังเปิดโหมด Autopilot เพื่อเปิดทางให้สัตว์วิเศษควบคุมธุรกิจของคุณเอง ไม่ต่างอะไรกับการตัดสินใจโดย AI เพียงอย่างเดียวแต่ปราศจากสมองของคุณที่เป็นผู้กำหนดวิสัยทัศน์ (Vision)
มนุษย์ที่ตัดสินใจร่วมกับ AI = ผู้เล่นขี่สัตว์วิเศษประเภทยูนิคอร์นหรืออูฐ
นั้นหมายความว่า หากคุณเลือกที่ขี่สัตว์วิเศษโดยเฉพาะยูนิคอร์นหรืออูฐแล้ว คุณในฐานะผู้นำธุรกิจสามารถใช้ความสามารถของสัตว์วิเศษ เพื่อพาคุณไปได้ไกลกว่า เร็วกว่า แม่นยำกว่า ด้วยต้นทุนที่ประหยัดกว่า ที่สำคัญในฐานะผู้ขี่คุณเองยังสามารถกำหนดทิศทางบริษัทของคุณไปตามปรารถนาของคุณได้ อย่าลืมนะครับว่า การตัดสินใจโดยมนุษย์ร่วมกับ AI ย่อมดีกว่าเสมอ
เปรียบเทียบการตัดสินใจของ มนุษย์ VS ผู้เล่นขี่สัตว์วิเศษประเภทยูนิคอร์นหรืออูฐ
โดยผมขอตัวอย่างจริงเป็นธุรกิจโรงแรม ที่ดูเหมือนว่า เทคโนโลยี AI ไม่น่ามีผลลัพธ์อะไรที่ช่วยให้ธุรกิจประเภทโรงแรมได้ประโยชน์ เพราะโรงแรมไม่ใช่บริษัทเทคโนโลยี
แต่อันที่จริงแล้วภายใต้ AI ประกอบไปด้วยข้อมูล ซึ่งหากคุณสังเกตดูว่าธุรกิจไหนที่บุคลากรในองค์กรใช้ Data ในการตัดสินใจย่อมได้เปรียบกว่าคู่แข่ง
ในขณะที่ AI ส่วนใหญ่ในช่วงแรกที่มีการนำ AI มาใช้ภายในองค์กรโดยใช้ข้อมูลภายธุรกิจจริงๆ เช่นใช้งานผ่านผู้บริการอย่าง AWS bedrock ยังมีต้นทุนที่สูง ทำให้เป็นการจำกัดการใช้ AI มีเพียงสำหรับธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีความสามารถในการลงทุนสูง เช่น โรงแรมขนาดใหญ่ที่นำ AI มาเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการ หรือ ช่วยเพิ่มประสบการณ์ในการพักผ่อนของแขก (Guest)
แต่ในอนาคตอีกไม่นานเกินรองบประมาณในการลงทุนด้าน AI มีต้นทุนที่คาดว่าจะถูกลง ซึ่งเป็นโอกาสแก่ธุรกิจขนาดกลางถึงเล็กที่จะใช้ประโยชน์จาก AI
เป้าหมายของโรงแรมส่วนใหญ่รวมถึงรีสอร์ทของผมที่เปิดบริการอยู่ที่ประเทศไทย คือการจัดการต้นทุนให้มีประสิทธิภาพ เพิ่มประสบการณ์ให้แขก (Guest) พึ่งพอใจในระหว่างพัก และ เพิ่ม traffic เข้ามาในเว็บไซต์ เพื่อเปลี่ยนจากผู้ชมให้กลายเป็น Guest ที่จ่ายเงินให้ธุรกิจ
ดังนั้นหากให้มนุษย์ต้องมาตัดสินใจว่าจะต้องลดต้นทุนรายการไหนดีจะเป็นผลดีมากที่สุด หรือ ให้ทายว่า Guest ชอบอะไรไม่ชอบอะไร หรือให้ค้นหาว่าวิธีไหนเป็นการสร้าง cross-selling and up-selling ที่ดีที่สุด คุณคิดว่ามนุษย์จะทำได้จริง ๆ หรือครับ
แต่หากเราเลือกขี่สัตว์วิเศษประเภทยูนิคอร์นหรืออูฐ โดยเลือกลงทุนในเทคโนโลยี AI หรือ Data เท่าที่จำเป็น ธุรกิจโรงแรมจะสามารถตัดสินใจได้อย่างแม่นยำว่าเราควรลดตัดต้นทุนรายการไหนออก หรือ เราจะเข้าใจลูกค้า Guest ว่าชอบอะไร แล้วเราจะได้ให้บริการลูกค้าได้ตรงจุด หรือเว็บไซต์ของเราจะได้ traffic กลุ่มผู้ชมคุณภาพที่จะกลายเป็น Guest ธุรกิจโรงแรมของเราในอนาคตจากผู้ช่วยสัตว์วิเศษธุรกิจที่ชื่อว่า Data และ AI

คุณจะเห็นได้ว่าเราไม่จำเป็นต้องทำธุรกิจเกี่ยวกับด้านเทคโนโลยีเสมอไป แต่คุณสามารถเลียนแบบวิธีการคิดจากบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำมาปรับใช้กับธุรกิจของคุณได้
แล้วเราจะมีสัตว์วิเศษที่แสนวิเศษได้เหมือนอย่างที่ เจฟ เบซอส มี Amazon หรือ Jensen Huang มี Nvidia ได้อย่างไร ผมมี 4 ขั้นตอนที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จมาดังนี้
เคล็ดลับ 4 ขั้นตอนโมเดลสัตว์วิเศษในการพิชิตเกมธุรกิจ
ขั้นตอนที่ 1 เลือกสัตว์วิเศษที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ
ตั้งเป้าหมายธุรกิจและประเมินสถานะธุรกิจตามความเป็นจริง
ขั้นตอนที่ 2 เติมอาหารให้สัตว์วิเศษ
ใช้เทคโนโลยี Data AI รวมถึงรวบรวมหรือพัฒนาทีมงานที่เห็นความสำคัญของเทคโนโลยีในการแก้ไขปัญหาธุรกิจที่เหมาะสมกับสัตว์วิเศษที่คุณเลือกตามขั้นตอนแรก
ขั้นตอนที่ 3 ออกเดินทางโดยต้องรู้ความเสี่ยง
วิเคราะห์ปัญหาและความเสี่ยงของธุรกิจคุณ จนถึงการลดทอนความเสี่ยง (Mitigate Risk) ก่อนลงมือทำ
ขั้นตอนที่ 4 หมั่นดูแลสัตว์วิเศษของคุณอยู่เสมอ
ด้วยระบบตรวจสอบความสามารถในการทำกำไร ,ความพึงพอใจลูกค้า และความสามารถในการเติบโต

ผมได้นำหลักการของ Ray Dalio มาประยุกต์เป็นขั้นตอนในการชนะเกมธุรกิจ ซึ่ง 4 ขั้นตอนโมเดลสัตว์วิเศษนี้สามารถใช้ได้จริงกับทุกขนาดธุรกิจ ทุกสถานะทางธุรกิจ ไม่ว่าธุรกิจของคุณเป็นอย่างไร เช่น ธุรกิจในช่วงเริ่มต้น (Start Up) ธุรกิจช่วงเติบโต (Growing) ธุรกิจช่วงมั่นคง (Mature) และธุรกิจช่วงเสื่อมถอย (Decline) เคล็ดลับ 4 ขั้นตอนนี้จะช่วยสร้างกรอบ (Framework) ให้คุณไม่ไขว้เขว และยังช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับคุณในฐานะเจ้าของธุรกิจหรือผู้นำองค์กรจะสามารถนำพาธุรกิจของคุณไปจนถึงเส้นชัยได้อย่างปลอดภัย
ถึงตาคุณแล้ว
สำรวจธุรกิจของคุณเองว่าในวันนี้ธุรกิจของคุณมีการตัดสินใจแบบไหน ใช้การตัดสินใจโดยมนุษย์ หรือการตัดสินใจโดย AI หรือการตัดสินใจโดยมนุษย์ร่วมกับ AI
คุณคิดว่า AI หรือเทคโนโลยี Data มีส่วนช่วยธุรกิจของคุณได้มากหรือเทียบไม่เกี่ยวข้องเลย
คุณได้มีการดำเนินการหรือวางแผนในการสร้างสัตว์วิเศษของคุณให้ฉลาดมากกว่าคุณหรือยัง
Comments