top of page
Search

ธุรกิจ Pop Mart ไม่ใช่ยูนิคอร์น แต่เป็นซูเปอร์อูฐ

  • Writer: dithanon Khrutmuang
    dithanon Khrutmuang
  • Jan 10
  • 2 min read
รูป 1 : Art toy จาก Pop Mart
รูป 1 : Art toy จาก Pop Mart

หากจะกล่าวถึงเกณฑ์ในการพิจารณาว่าบริษัทไหนเป็นบริษัทยูนิคอร์น ในปัจจุบันปี 2024 วัดได้จากบริษัทที่พึ่งเกิดใหม่ไม่เกิน 5 ปี หรือที่เรียกว่า Start Up โดยมีมูลค่าบริษัทมากกว่า 1 พันล้านดอลล่าสหรัฐ และยังไม่เข้าตลาดหุ้นอีกด้วย ถึงจะเรียกว่ายูนิคอร์น


จะเห็นได้ว่าลักษณะทั่วไปของยูนิคอร์นดูจะขัดหลักการธรรมชาติโดยอย่างสิ้นเชิง เพราะบริษัทโดยทั่วไปจะมีหลักการเติบโตแบบ 3 สเตจ นั้นคือ ช่วงเริ่มต้น (Startup) พัฒนามาเป็น ช่วงเติบโต (Profitable) แล้วเข้าสู่จุดสูงสุดที่ ช่วงมั่นคง (Mature) แล้วจึงถดถอยเข้าสู่ช่วงบั้นปลายที่เรียกว่า ช่วงถดถอย (Decline)


ซึ่งธุรกิจที่ประสบผลสำเร็จ มักจะมีมูลค่าธุรกิจมากกว่า 1 พันล้านดอลล่าสหรัฐ ($1 billion) ในช่วงเติบโต (Profitable) หรือ ช่วงมั่นคง (Mature) มากกว่าในช่วงเริ่มต้น (Startup) และอาจจำเป็นต้องพึ่งพางบลงทุนจากตลาดหุ้นเพื่อให้มูลค่าบริษัทถึง 1 พันล้านดอลล่าสหรัฐ


ซึ่งหากเปรียบธุรกิจเหมือนคนแล้วล่ะก็ คงเป็นเด็กที่เติบโตได้ไวกว่าเพื่อนๆคนอื่นในห้องเรียน เก่งได้ด้วยตัวเอง ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาสอน แต่ชีวิตของธุรกิจก็เหมือนกับชีวิตคน ช่วงวัยเด็กอาจเรียนหนังสือได้เก่งกว่าเด็กทั่วไป แต่หากจะพยากรณ์ว่าเด็กคนนี้จะประสบผลสำเร็จในชีวิตในตอนโตรึเปล่า? คำตอบนี้ไม่มีใครตอบได้ เพียงแต่ว่าคนทั่วไปมักชื่นชมเด็กที่มีพรสวรรค์มากกว่าเด็กทั่วไป คล้ายกับนักลงทุนก็มักชื่นชอบบริษัทที่เติบโตไวๆแบบไม่ต้องรอนาน อย่างยูนิคอร์น


แล้วธุรกิจของ Pop Mart ล่ะ ?


Pop mart ก่อตั้งที่ประเทศจีนในปี 2010 โดย Wang Ning *(อ้างอิง : https://en.wikipedia.org/wiki/Pop_Mart)


สินค้าภายในร้านในปัจจุบันนี้ที่เป็นที่นิยมคือ ของเล่นสะสม (Art Toy) ที่ในปัจจุบันมีมูลค่าธุรกิจอยู่ที่ 25 พันล้านดอลล่าสหรัฐ แต่มูลค่าธุรกิจของ Pop mart นั้นมาจากส่วนของผู้ถือหุ้นทั้งหมด (Total equity)


และถึงแม้ Pop mart จะพึ่งเข้าตลาดหุ้นฮ่องกงมาเมื่อปี 2020 แต่ Pop mart ก็ก่อตั้งมานานมากกว่า 20 ปีแล้ว อีกทั้ง Pop mart ในช่วงStart-up ระหว่างปี 2010 -2015 บริษัทยังมีมูลค่าบริษัทน้อยกว่า 1 พันล้านดอลล่าสหรัฐนั้นหมายความว่า Pop Mart ไม่เข้าข่ายเป็นยูนิคอร์น แต่ถึงแม้ Pop mart จะไม่ได้เป็นยูนิคอร์น แต่ Pop mart คือซูเปอร์อูฐ


แล้วอูฐคืออะไร ?


การปรับเปลี่ยนกลยุทธ์เป็นสิ่งที่อูฐทำได้ดีกว่ายูนิคอร์น เพราะอูฐสามารถปรับตัวในการเดินผ่านทะเลทรายในตอนกลางวันที่แดดร้อนแผดเผา ในขณะที่ตอนกลางคืนทะเลทรายอาจเปลี่ยนเป็นช่วงเวลาหนาวเหน็บ อูฐก็ยังสามารถเดินทางต่อไปได้ เพราะสิ่งที่อูฐเก็บไว้คืออาหารและน้ำในปริมาณเพียงพอต่อการเดินทางครั้งสำคัญของอูฐ ซึงในทางกลับกันหากยูนิคอร์นั้นต้องการที่จะเดินผ่านทะเลทราย ยูนิคอร์นต้องสร้างความอุดมสมบูรณ์ให้เพียบพร้อมก่อนออกเดินทาง เรียกได้ว่าต้องมีหญ้าเขียว ชะอุ่ม มีน้ำลำธารไหล่ผ่านเป็นระยะตลอดเว้นเส้นทาง ที่สำคัญต้องมีรุ้งทอดยาวเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ ยูนิคอร์นจึงสามารถเดินทางได้


ซึ่งสถานการณ์ที่โหดร้ายที่ Pop mart ต้องเคยเผชิญจากอดีตมาปัจจุบัน เช่น ปัญหาแพร่ระบาดโควิด19 ,การกีดกันสินค้าจากบางประเทศ หรือ การแข่งขันอย่างสูงจากผู้ผลิตในสินค้าหมวดหมู่เดียวกันในประเทศตัวเองนั้นคือประเทศจีนที่ชำนาญในการผลิตสินค้าออกมาได้ดีในต้นทุนที่ต่ำ เรียกได้ว่า Pop mart เจอสภาวะกดดันครบทุกทาง


แล้ว Pop Mart ผ่านมาได้อย่างไร ?


จากงานวิจัยของ Wu, Peiyao, "Marketing Analysis of POP Mart" (2020). Chulalongkorn University Theses and Dissertations (Chula ETD). 7387. ได้สรุปเอาไว้ว่า Pop mart มีการตัดสินใจในทางธุรกิจโดยการวิเคราะห์ข้อมูล โดยPop Mart มุ่งเน้นออกสินค้าใหม่ตามความนิยมของ IP base pop toys หรือที่เรียกง่ายๆว่าเป็น เหล่าตัวการ์ตูนที่เหล่าแฟนคลับนิยม เช่น Dimoo, Molly, Monster etc.


นี่คือตัวอย่างการตัดสินใจในทางธุรกิจโดยการวิเคราะห์ข้อมูลของ Pop mart ที่ส่งผลต่อการตัดสินใจของผู้บริหารว่าจะเลือกทำอะไรที่ถูกต้องและไม่เลือกทำอะไรที่ก่อให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี ซึ่งหากปราศจากการเก็บข้อมูลแล้วนำมาวิเคราะห์ข้อมูลไม่ได้แล้วล่ะก็ Pop mart คงไม่ได้เติบโตมาถึงทุกวันนี้


Pop Mart จึงถือว่าดำเนินธุรกิจแบบเหมือนคน ที่แทนเจ้าของธุรกิจอย่างคุณ หวังนิน” (Wang Ning) ที่เลือกขี่อูฐแทน ขี่ยูนิคอร์น เพราะนิสัยของอูฐ เน้นเรื่อง ความสามารถในการทำกำไรสูง มาก่อนความสามารถในการเติบโต


โดยดูได้จากอัตราทำกำไรเบื้องต้น( Gross margin) อยู่ประมาณ 61 % และ มีกระแสเงินสดมากกว่าหนี้ ( Holds more cash than debt on its balance sheet ) นัันหมายความว่า Pop mart ขายสินค้าอย่างชาญฉลาดให้กับกลุ่มลูกค้าหรือแฟนๆที่รักในงาน Art Toy จึงส่งผลให้ Pop mart มีกำไรและถึงแม้ไม่ได้เติบโตรวดเร็วอย่างยูนิคอร์น แต่กลับเป็นบริษัทที่เติบโตอย่างมั่นคงและล้มได้ยาก


เพราะถ้าหาก Pop mart เลือกที่จะทำธุรกิจตามนิสัยของ Unicorn แล้วล่ะก็ Pop mart คงเลือกเดินเกมขยายธุรกิจแบบขายสินค้าทุกอย่าง หรือ ลงทุนเงินจำนวนมากไปกับการสร้าง Platform ของตัวเอง และนั้นอาจส่งผลเสียต่อความสามารถในการทำกำไร P (Profitability) ที่วันนี้ Pop mart ทำมันได้อย่างยอดเยี่ยม



รูป 2 : PCG ของ Pop Mart
รูป 2 : PCG ของ Pop Mart

  1. ความสามารถในการทำกำไร P (Profitability) 85 คะแนน

  2. ความพึงพอใจของลูกค้า C (Customer Satisfaction) 100 คะแนน

  3. ความสามารถในการเติบโต G (Business Growth) 53 คะแนน


ข้อพึงระวังของ Pop Mart


ถึงแม้ว่าอัตราทำกำไรของ Pop mart จะอยุ่ในสัดส่วนที่สูงมาก แต่ก็มีข้อจำกัดในเรื่องการเพิ่มรายได้ แม้จะมีกลุ่มลูกค้าที่พึงพอใจสินค้าของ Pop mart อยู่ทั่วโลกและในกลุ่มผู้ซื้อแทบไม่มีเสียงวิจารณ์ในสื่อโซเชียลเลย แต่สาเหตุที่ Pop mart ไม่สามารถผลิตสินค้าออกมาไม่ได้มากตามความต้องการลูกค้า (demand) เนื่องจาก Pop mart ต้องผลิตมาน้อยกว่าความต้องการ ( Supply < Demand) เพื่อให้ Art toys ของ Pop mart ดูมีคุณค่าและเหล่าแฟนๆต้องแย่งกันซื้อเพื่อสะสม และนั้นก็ส่งผลว่าทำไมความสามารถในการเติบโต G (Business Growth) ของ Pop mart จึงได้เพียง 53 คะแนน


รูป 3 : หน้าเว็บ Pop Mart
รูป 3 : หน้าเว็บ Pop Mart

โดยสรุป


การเป็นยูนิคอร์น นอกจากต้องมีคุณสมบัติต่าง ๆ เช่น การบรรลุมูลค่าบริษัทถึง 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐอย่างรวดเร็วแล้ว ยังถือเป็นความฝันของเจ้าของธุรกิจหลายคนอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ความฝันนี้มาพร้อมกับความเสี่ยงในระดับสูง เช่นเดียวกับพฤติกรรมของยูนิคอร์นที่มีความคล่องแคล่วว่องไว หากคุณพลาดโอกาส คุณอาจตกอยู่ในสภาพที่ล้าหลังและล้มเหลวได้


ในโลกธุรกิจจริง แม้แต่ผู้ประกอบการอย่างหวัง หนิง เจ้าของ Pop Mart และตัวฉันเองในฐานะเจ้าของธุรกิจ ต่างเลือกที่จะขี่ "อูฐ" ไม่ว่าจะด้วยความตั้งใจหรือไม่ก็ตาม เพราะเราหวังว่าบริษัทหรือธุรกิจของเราจะสามารถอยู่กับเราได้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ไม่ว่าจะต้องเผชิญกับความท้าทายอะไร


ยังมีอีกทางเลือกหนึ่งที่สามารถทำให้บริษัทมีมูลค่าเทียบเท่าหรือมากกว่ายูนิคอร์น โดยมีความเสี่ยงต่ำ แม้ว่าอาจต้องใช้เวลานานกว่าในการบรรลุเป้าหมายเมื่อเทียบกับยูนิคอร์น ทางเลือกนั้นคือ "ซูเปอร์อูฐ" หรือ "อูฐ" ซึ่งสามารถสร้างมูลค่ามหาศาลได้ มูลค่าของมันไม่ได้จำกัดเพียง 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และไม่มีการกำหนดเวลาว่าบริษัทต้องก่อตั้งมานานเท่าไร


การวัดคุณค่าของอูฐไม่ได้ขึ้นอยู่กับขนาดของมูลค่าบริษัท แต่ขึ้นอยู่กับความสามารถของธุรกิจในการสร้างผลกำไรสูง มากกว่าศักยภาพการเติบโต ดังนั้น การเลือกสัตว์ในตำนานที่จะขี่เป็นการตัดสินใจที่สำคัญที่เจ้าของธุรกิจอย่างคุณต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ


หากท่านอยากเปลี่ยนธุรกิจของท่านให้กลายเป็น "อูฐ" หรือ "ซูเปอร์อูฐ" พวกเรา Power Ladder มีบริการให้ความช่วยเหลือทางธุรกิจของท่าน ในการดูแลของผู้เชี่ยวชาญจากเรา คลิกที่นี่เพื่อรายละเอียดเพิ่มเติม


ผู้เชี่ยวชาญจากเรา
ผู้เชี่ยวชาญจากเรา

 
 
 

1 Comment


bottom of page