Exist or Exit : เป้าหมายของอูฐ ที่ทำให้ธุรกิจของคุณยืนระยะได้นานที่สุด
- dithanon Khrutmuang
- Jan 17
- 2 min read
Updated: Jan 23
เป้าหมายของอูฐคือการทำให้ธุรกิจของคุณยืนระยะให้ได้นานที่สุด 3 แงุ่มุมทางธุรกิจ ที่สำคัญ
ความสามารถในการทำกำไร P (Profitability)
ความพึงพอใจของลูกค้า C (Customer Satisfaction)
ความสามารถในการเติบโต G (Business Growth)
ในปี 2024 กลยุทธ์ที่ Pop Mart ได้ปรับเปลี่ยนตัวเองให้มีสินค้าที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวนั้นคือ ลาบูบู้
เลือกสัตว์วิเศษให้เหมาะสมกับสถานะธุรกิจของคุณ โดยวิธีที่ง่ายกว่าให้คุณวิเคราะห์ธุรกิจของคุณผ่าน3 แง่มุมทางธุรกิจ
หากสมมุติวันนี้บริษ้ท Apple เลือกให้คุณเป็นผู้บริหาร พนักงานมากกว่า 1 แสนคนจากทั่วโลก และกระแสเงินสดมากกว่า 1 hundred billion $ ถ้าคุณต้องบริหารแทน Steve Cook คุณจะบริหารจัดการได้ไหม?
ความสามารถของเจ้าของธุรกิจมักเติบโตไปพร้อมกับธุรกิจ นั้นหมายความว่าสัตว์วิเศษที่คุณขี่อยู่ แท้จริงแล้วมันคือบริษัทของคุณเอง แล้วสัตว์วิเศษของใครต่อหลายคนก็มีหน้าตาไม่เหมือนกัน แม้ว่าจะกำลังขี่อูฐอยู่เหมือนกัน แต่ความแตกต่างของอูฐแต่ละตัวย่อมแตกต่างกันไป เช่น อูฐ บางตัววิ่งไว บางตัววิ่งช้ากว่า (คุณสามารถดูความสามารถของสัตว์วิเศษอื่นๆได้จาก https://www.powerladder.net/post/magical-creatures-model-1) ยังไม่นับถึงปัจจัยของผู้ที่ขี่สัตว์วิเศษซึ่งเป็นตัวแทนเจ้าของธุรกิจ นั้นก็แตกต่างกันออกไป เจ้าของบางคนใจร้อนอยากเห็นธุรกิจเติบโตไวๆ ก็อาจตัดสินใจทำบางอย่างที่ผิดพลาด บางคนใจเย็นเกินไป กว่าสินค้าหรือบริการใหม่ๆจะออกสู่ตลาดก็อาจช้าเกินไป
ในทางธุรกิจ ในแต่ละอุตสาหกรรม หรือแม้แต่วัตถุประสงค์ทางธุรกิจที่แตกต่างกันย่อมส่งผลต่อการตัดสินใจทางธุรกิจนั้นต่างกัน เช่น คุณลองขอให้อีลอน มักส์ สลับมาบริหารธุรกิจขนาดเล็กที่เป็นร้านขายเครื่องสำอางดูสิ คุณคิดว่าอีลอน มักส์ จะนำพาธุรกิจนี้สำเร็จไหม ร้านนี้อาจกลายเป็นร้านที่เปิดสาขาไปทั่วโลก หรือ อาจเจ๊งไปเลย คำตอบไม่มีใครรู้ได้ จนกว่าอีลอน มักส์ ต้องลองมาบริหารธุรกิจนี้ดู แล้วดูสิว่าเขาจะสามารถควบคุมสัตว์วิเศษที่เป็นธุรกิจธุรกิจขนาดเล็กที่เป็นร้านขายเครื่องสำอางได้ไหม ผมคิดว่า อีลอน มักส์ น่าจะพยายามเปลี่ยนร้านเครื่องสำอาง กลายเป็นบริษัทเทค เหมือนกับที่เปลี่ยนโลโก้ Twitter เป็น X
แต่ถ้ามีข้อบังคับว่าอีลอน มักส์ ห้ามเปลี่ยนแปลง แต่สามารถใช้เทคโนโยเพื่อพัฒนาร้านแห่งนี้ ผมว่าด้วยความที่เป็น อีลอน มักส์ และความตั้งใจที่จะทำให้ธุรกิจนี้เติบโต ผมเชื่อว่า ร้านเครื่องสำอางค์เล็กๆนี้มีโอกาสสำเร็จ แล้วความสำเร็จและขั้นตอนในการไปถึงจุดสำเร็จต้องทำอย่างไร?
ไม่ว่าจะเป็น เจฟ เบซอส, อีลอน มักส์ , บิลเกต ,วาเรน บัฟเฟตต์ หรือ แม้แต่คุณย่อมมีหน้าตาความสำเร็จ และวิธึการไม่เหมือนกัน และวิธีการย่อมไม่เหมือนกัน แต่ทุกการตัดสินใจและกระทำในธุรกิจของคุณสามารถวัดได้ผ่าน 3 แง่มุมทางธุรกิจ ดังนั้น 3 แง่มุมทางธุรกิจของแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกัน เรามาดูตัวอย่างหน้าตาสภาพธุรกิจที่บริหารโดยนักธุรกิจและนักลงทุนชื่อดัง ผ่านกฎของ 3 แง่มุมทางธุรกิจ
กฎของ 3 แง่มุมทางธุรกิจ
คุณสามารถเพิ่มความสามารถทางกำไร ในขณะเดียวกันก็สามารถเพิ่มความพึงพอใจลูกค้าและความสามารถในการเติบโตไปได้ด้วย
ในหนังสือของ ISMAIL ผู้เขียนหนังสือ Exponential Organizations ได้อธิบายอย่างชัดเจนไว้ว่า ธุรกิจที่คิดการใหญ่และต้องการสร้างธุรกิจหรือแบรนด์ที่มีผลกระทบต่อผู้คนในวงกว้าง ( aspirational brands) บริษัทจะเร่งให้มีการเติบโตในทุกเรื่อง ทั้งความสามารถในการทำกำไร ,ลูกค้าชื่นชอบในสินค้าหรือบริการ( Costomers feels good) และเร่งการเติบโตขนาดธุรกิจได้ โดยผมขอนำแนวคิดISMAIL มาขยายให้ชัดเจนผ่าน 3 แง่มุมทางธุรกิจ ดังนี้
ถ้าสมมุติเป็น เจฟ เบซอส ต้องเข้ามาบริหารธุรกิจที่พักรีสอร์ทขนาดเล็ก โดยมีข้อแม้คือห้ามเอาทรัพย์สินที่ เจฟ เบซอส มีมาลงทุนกับธุรกิจใหม่นี้จะเป็นอย่างไร
ก่อนอื่นเราต้องมาเข้าใจสัตว์วิเศษเดิมของเจฟ เบซอส กันก่อน เจฟ เบซอส ประสบผลสำเร็จจากธุรกิจ Amazon ที่เป็น Platform ในการรวบรวมผู้ซื้อและผู้ขายเเข้ามาไว้ด้วยกัน ดังนั้นสัตว์วิเศษของ เจฟ เบซอส คือ Amazon โดย เจฟ เบซอส ต้องการมุ่งเน้นให้ผู้ซื้อสามารถซื้อสินค้าได้ในราคาถูก แต่คุณภาพดี บริการจัดส่งที่รวดเร็ว พร้อมประสบการณ์ Prime ที่สมาชิกยังได้สิทธิในการชมหนังและซีรีย์ คุณจะเห็นได้ชัดว่า เจฟ เบซอส เน้นไปที่แง่มุมที่ 2 คือ ความพึงพอใจของลูกค้า C(Customer Satisfaction) มาก่อน เรามาทำความเข้าใจของสัตว์วิเศษที่ชื่อว่า Amazon ผ่านการพอร์ตกราฟ 3 แง่มุมทางธุรกิจ Amazon ของ เจฟ เบซอส จะได้ดังนี้

ผมขอข้ามการอธิบายแง่มุมที่ 1 ความสามารถในการทำกำไร P (Profitability) ไปก่อน เพราะผมจะอธิบายส่วนสำคัญที่ทำให้ Amazon มีความแข็งแกร่ง ที่สั้นๆง่ายๆเพียงไม่กี่บรรทัด
แง่มุมที่ 2 ความพึงพอใจของลูกค้า C (Customer Satisfaction)
ได้คะแนนที่ 95 คะแนน นั้นถือว่ายอดเยี่ยมมากสำหรับการให้บริการที่มีลูกค้ามากมายเกือบครึ่งโลก แน่นอนย่อมมีบางคนที่รีวิวไม่ดีกับสินค้าหรือบริการบ้าง แต่นั้นไม่ใช่ปัญหาใหญ่ของ Amazon
แง่มุมที่ 3 ความสามารถในการเติบโต G (Business Growth)
ได้คะแนนที่ 85 คะแนน ที่ Amazon ได้คะแนนในส่วนนี้ค่อนข้างสูงเลยทีเดียว นั้นเป็นเพราะ Amazon ได้ลงทุนเงินจำนวนมากเพื่อขยายธุรกิจใหม่นั้นคือ AWS หรือ Amazon Web Service นี้คือตัวพลิกเกมในอนาคตในการพัฒนาธุรกิจ Cloud และ Bedrock ที่รองรับการเก็บและประมวลผลของเอไอ จะต่อยอดลูกค้าใหม่ของ Amazon
แง่มุมที่ 1 ความสามารถในการทำกำไร P (Profitability)
ย้อนกลับมา แง่มุมที่ 1 ได้คะแนนเพียง 55 คะแนน เพราะจากการดูผลประกอบการที่มีอัตราทำกำไรเมื่อเทียบกับรายได้ (Profit Margin) ประมาณ 9% (ข้อมูล June 2024)
ผลสรุปของสัตว์วิเศษที่ชื่อว่า Amazon ในเรื่องนี้อาจดูย้อนแย้งกับสิ่งที่ผมพยายามจะบอกในหนังสือเล่มนี้ว่าให้พยายามทำแง่มุมที่1 นั้นคือความสามารถในการทำกำไรให้มาก่อน แต่ทำไมผลลัพธ์ของ Amazon จึงตรงกันข้ามกับสิ่งที่ผมบอก หากคุณวิเคราะห์ให้ดี Amazon มี Profit Margin ที่สูงขึ้นมากกว่าช่วงเวลาเดียวกันในปี 2023 นั้นคือ 5 % นั้นหมายความว่า Amazon กำลังลงทุนไปกับธุรกิจใหม่ๆอย่าง AWS และส่งเสริมแบรนด์ที่ทำให้ลูกค้าเชื่อถือและรักที่จะซื้อสินค้าหรือใช้บริการ Amazon นั้นเป็นการวางหมากในระยะยาวที่เจฟ เบซอส ต้องการให้ แง่มุมที่ 1 ความสามารถในการทำกำไร P (Profitability) พัฒนาขึ้นในระยะยาว แต่นั้นก็หมายความว่าสัตว์วิเศษที่ชื่อว่า Amazon ต้องเป็นยูนิคอร์น ที่ทั้ง แง่มุมที่ 2 ความพึงพอใจของลูกค้า C (Customer Satisfaction)และ แง่มุมที่ 3 ความสามารถในการเติบโต G (Business Growth) ต้องอยู่ในสภาพอุดมสมบูรณ์ จึงทำให้เกิดสิ่งนี้ได้
แล้วถ้า เจฟ เบซอส ต้องบริหารธุรกิจขนาดเล็กล่ะ ?
ในตอนนี้เรารู้จักวิธีการทำธุรกิจของ เจฟ เบซอส มาพอสังเขปแล้ว กลับมาคำถามเดิม ถ้าสมมุติเป็น เจฟ เบซอส ต้องเข้ามาบริหารธุรกิจที่พักรีสอร์ทขนาดเล็ก โดยมีข้อแม้คือห้ามเอาทรัพย์สินที่ เจฟ เบซอส มีมาลงทุนกับธุรกิจใหม่นี้จะเป็นอย่างไร ?
เจฟ เบซอส จะยังใช้วิธีการเดิมอยู่ได้ไหม นั้นคือ การเพิ่ม แง่มุมที่ 2 ความพึงพอใจของลูกค้า C (Customer Satisfaction) และ แง่มุมที่ 3 ความสามารถในการเติบโต G(Business Growth) ให้ได้คะแนนสูงๆก่อน ที่จะเพิ่ม แง่มุมที่ 1 ความสามารถในการทำกำไร P (Profitability) ในภายหลังหากเวลาผ่านไป 4 ถึง 6 ปี ตามหลักของ Salim Ismail ที่ได้อธิบายในหนังสือ Exponential Organizations ไว้ว่า “These Exponential Organization is fewer than six years old” แน่นอนว่าธุรกิจที่ต้องการเติบโตทุกด้านของ 3 แง่มุมทางธุรกิจต้องใช้เวลา บางธุรกิจอาจใช้เวลาน้อยกว่า 6 ปี เพื่อที่จะไปถึงจุดนั้น จุดที่ธุรกิจเติบโตแบบทวีคูณ(Exponential Growth) แต่สำหรับธุรกิจขนาดเล็กอย่างที่ผมเคยทำหรือจากการสังเกตลูกค้าของผมมาหลายๆราย เป้าหมายอาจไม่ได้ต้องการเติบโตแบบ Exponential แต่เขาต้องการเพียงความอยู่รอดทางธุรกิจ นั้นแปลว่าธุรกิจขนาดเล็กอาจมีเวลาน้อยไม่ถึง 3 เดือน ในการพิสูจน์ว่าจะสามารถอยู่รอดได้หรือไม่
นั้นหมายความว่าธุรกิจต้องคิดถึงการอยู่รอดให้ได้ ก่อนที่จะคิดถึงการเติบโตแบบทวีคูณ(Exponential Growth)
ลองจินตนาการดูครับว่า หากเจฟ เบซอส ต้องเปลี่ยนสัตว์วิเศษที่ขี่จาก Amazon เป็น ธุรกิจที่พักรีสอร์ทขนาดเล็ก จะเป็นอย่างไร?
แน่นอนเจฟ เบซอส ขึ้นชื่อเรื่องสร้างประสบกาณ์ที่ดีและความรู้สึกคุ้มค่ากับการที่ลูกค้าเข้ามาพักรีสอร์ทขนาดเล็กของเขา สิ่งนี้จะช่วยเพิ่มคะแนน แง่มุมที่ 2 ความพึงพอใจของลูกค้า C(Customer Satisfaction) แต่อย่าลืม เจฟ เบซอส มีข้อจำกัดในการใช้งบประมาณการลงทุนอย่างจำกัด ในข้อนี้คะแนนไม่ควรเกิน 65 คะแนน
แง่มุมที่ 3 ความสามารถในการเติบโต G (Business Growth) ได้คะแนนที่ 40 คะแนน เจฟ เบซอส ต้องเน้นให้รีสอร์ทยังคงเป็นขนาดเล็กในช่วงแรก โดยขยายธุรกิจที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับธุรกิจรีสอร์ทเพียงเท่านั้น เพื่อลดงบประมาณการลงทุนที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ในระยะสั้น
ย้อนกลับมา แง่มุมที่ 1 ความสามารถในการทำกำไร P (Profitability) เจฟ เบซอส ต้องพยายามให้ได้คะแนนมากกว่า 80 คะแนน เพื่อที่ทำให้ธุรกิจที่พักรีสอร์ทขนาดเล็กของเขามีกระแสเงินสดเพียงพอที่จะพัฒนา แง่มุมที่ 2 และ 3 ต่อไป

ข้อสรุปจากธุรกิจที่พักรีสอร์ทขนาดเล็กนี้จะเห็นได้ว่าเป็นโมเดลสัตว์วิเศษแบบอูฐ ทริคข้อสังเกตง่ายๆ หากคะแนนแง่มุมที่ 1 /(คะแนนแง่มุมที่ 1 + คะแนนแง่มุมที่ 2+คะแนนแง่มุมที่ 3) > 0.4 นั้นก็ถือว่ากำลังใช้โมเดลแบบคนขี่อูฐแล้ว ผมขอตั้งชื่อกฎนี้ว่า D.Khrutmuang Rule โดยลองคำนวณธุรกิจแล้วแทนค่าในสมการข้างต้นดู แล้วจะได้ 80/(80+65+40) = 0.432 ซึ่งมีค่ามากกว่า 0.4 ดังนั้นถือว่าเจฟ เบซอส ยังคงขี่อูฐ ไม่ใช่ ยูนิคอร์นอย่าง Amazon
จนเมื่อธุรกิจที่พักรีสอร์ทขนาดเล็กสามารถอยู่รอด เจฟ เบซอส สามารถขยายธุรกิจให้ยิ่งใหญ่ ขยายสาขาเป็นธุรกิจรีสอร์ทขนาดใหญ่ หรือจะใส่ระบบ Cloud ที่มี Ai มาช่วยในงานธุรกิจนี้หรือต่อยอดเป็นธุรกิจอื่นก็ยังได้ตราบใดที่มี แง่มุมที่ 1 ความสามารถในการทำกำไร P (Profitability) เพียงพอที่จะสร้างกระแสเงินสด ถึงวันนั้น เจฟ เบซอส จะเปลี่ยนจาก อูฐ ย้ายเป็น ยูนิคอร์นอย่าง Amazon ที่เขาชอบ หรือจะติดใจที่ยังคงเป็นอูฐตัวเดิมที่แข็งแกร่งกว่าจนเรียกว่า ซูเปอร์อูฐ ก็ไม่มีใครว่าครับ

ผม ดิตถานนท์ ครุฑเมือง ผู้เขียนบทความนี้ เจ้าของธุรกิจที่ใช้เทคโนโลยีข้อมูลและ AI กับธุรกิจของตัวเองมาแล้ว
หากท่านต้องการที่ปรึกษาทางธุรกิจ ท่านสามารถปรึกษากับเราเพื่อหาวิธีการใช้ Data และ AI ที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ ทั้งในการเพิ่มประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยง(Mitigate Risk) และลดค่าใช้จ่ายในระยะยาวให้ธุรกิจของคุณได้แล้ววันนี้




Comments