Case study สนุกไปกับธุรกิจ ขยายต่อด้วย Predictive Business

รู้ได้อย่างไรว่าธุรกิจของคุณกำลังเติบโตอยู่ ?

Data Story แง่มุมธุรกิจนี้ช่วยอะไรกับธุรกิจของผมและของคุณ

ในกราฟนี้สิ่งที่น่าสนใจที่สุดคือ ทําไมความพึงพอใจของลูกค้าในธุรกิจของผมมีคะแนนเพียง 57 เต็ม 100 คะแนน แต่ธุรกิจของผมกลับมีความสามารถในการทํา

กําไรได้ถึง 83 คะแนน ผมทําได้อย่างไร ผมจะเล่าให้คุณฟัง

กราฟที่ผมแสดงให้ดูคือ Data Story ธุรกิจของผมนั้นคือ Belly Thailand จําหน่ายเต็นท์กระโจมและโดม พร้อมคําแนะนําความรู้สําหรับผู้ประกอบการที่พักรีสอร์ทในรูปแบบ B2B โดย Data Story เกิดจากการรวบรวมข้อมูลทางธุรกิจจากอดีตและปัจจุบัน มาสร้างเพื่อให้ผมและทีมงานได้เห็นมันอย่างชัดเจน และคล้ายกับเหมือนมีหน้าจอเวลาคุณขับรถ ไว้วัดระดับความสําเร็จ ไว้ระมัดระวังภัย และไว้ทําให้ผมมั่นใจว่าผมตัดสินใจได้อย่างถูกต้องแล้ว สิ่งนี้เองที่เรียกว่า Predictive Buisiness ที่สามารถยกระดับธุรกิจและขยายมันออกไปได้มากขึ้นในอนาคต ทั้งทางด้าน ความสามารถในการทํากําไร ,ความพึงพอใจของลูกค้า และ ความสามารถในการเติบโต

ในคําถามข้างต้นที่ว่าทําไมความพึงพอใจของลูกค้ามีคะแนนเพียง 57 คะแนน แต่ทําไมความสามารถในการทํากําไรถึงมีคะแนน 83 คะแนน คุณอาจกําลังคิดว่าผมขายสินค้าราคาแพงไปรึเปล่า จนลูกค้าอาจไม่พอใจ ? หรือ เป็นเพราะฝ่ายดูแลลูกค้าให้บริการที่ไม่ดีไปรึเปล่า? ผมขอเฉลยตรงนี้เลยแล้วกันว่า คําตอบคือ... ระดับหรือเกณฑ์ในการวัดในแต่ละหัวข้อนั้นแตกต่างกันออกไป เช่น ธุรกิจของผม จุดที่คะแนนเต็ม 100 คะแนน นั้นหมายความว่าลูกค้าทุกคนที่เคยซื้อเต็นท์กระโจมจากธุรกิจของผมต้องกลับมาซื้อซ้ําแบบ 100% แต่โดยพื้นฐานตลาดในธุรกิจของผมที่ยืนอยู่ไม่มีทางทําให้มีคะแนนเต็มได้ ในทางกลับกัน ความสามารถในการทํากําไรได้ถึง 83 คะแนน นั้นหมายถึงผมและทีมงานได้จัดการเกือบทุกเรื่องในการลดต้นทุนที่ไม่จําเป็นได้แล้ว(ที่ไม่ได้ส่งผลให้คุณภาพสินค้าแย่ลง)

สําหรับกราฟคะแนนความสามารถในการเติบโตที่ธุรกิจของผมได้ไปเพียง 30 คะแนนเต็ม 100 สําหรับธุรกิจของผมนั้นหมายถึง ยังมีโอกาสอีกมากในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในธุรกิจต้นฉบับของผมที่นําหลักการ Predictive Business มาใช้กับธุรกิจจริง ซึ่งนอกจากBelly Thailand แล้ว ยังมีธุรกิจรีสอร์ท Ozone by บ้านเขาค้อ ที่พร้อมเติบโตขึ้นอีกได้หากผมสามารถจัดการกับความเสี่ยงได้ดี และนี่คือตัวอย่างในเรื่องที่เจ้าของธุรกิจอย่างผมพยายามทําให้ทั้ง 3 หัวข้อนี้มีคะแนนสูงที่สุดเท่าที่ธุรกิจของผมจะเป็นไปได้มันก็เท่านั้นเอง....

เพราะจุดพอใจในธุรกิจของแต่ละคนไม่เหมือนกัน สําหรับธุรกิจของผมเองที่ดําเนินมานานมากกว่า 4 ปี ขนาดธุรกิจแบบ SME ผมยึดหลักทําธุรกิจคล้ายกับผมกําลังขี่อูฐ Camel rider up the ladder อูฐสามารถอยู่รอดได้เป็นเวลานานโดยไม่ต้องมีอาหาร ทนต่อความร้อนจากทะเลทรายที่แผดเผา และปรับตัวให้เข้ากับสภาพอากาศที่แปรปรวนอย่างสุดขั้ว พวกมันอยู่รอดและเติบโตในภูมิภาคที่เลวร้ายที่สุดในโลก ซึ่งหากเปรียบกับการทําธุรกิจยุคหลัง โควิด-19 นั้นคือ ธุรกิจที่สามารถปรับสมดุลทั้งเรื่องงบประมาณและความคุ้มค่าสูงสุดตามทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจํากัด อ้างอิง Alex Lazarow.harvard business review.https://hbr.org/2020/10/startups-its-time-to-think-like-camels-not-unicorns" ดังนั้นผมจึงยึดหลักการความสามารถในการทํากําไรมาก่อน ผมจึงตั้งเกณฑ์จุดที่ผมพอใจในข้อนี้ไว้สูงกว่า 2 แง่มุมธุรกิจที่เหลือ และตราบใดที่คะแนนในแง่มุมธุรกิจทั้ง 3 ข้อนี้มีคะแนนไม่ต่ําไปกว่าจุดที่ผมพอใจ ผมก็ยังคงสบายใจ กินอิ่มนอนหลับสบาย แล้วธุรกิจของคุณล่ะตั้งเกณฑ์ไว้แบบไหน ?

ผม โอ ดิตถานนท์ ครุฑเมือง เป็นผู้ประกอบการ อีกทั้งผมยังนําความรู้ที่ได้จากการเรียน Data Science and Business Analytics ที่ Texas McCombs The University of Texas at Austin เพื่อนําทฤษฎีมาประยุกต์ใช้จริงกับธุรกิจทั้ง2 ธุรกิจของผม ที่ถึงแม้ว่า สินค้าบริการ ราคา คู่แข่งขันในตลาด หรือ พฤติกรรมผู้บริโภค ทั้งหมดจะแตกต่างกัน แต่การใช้ประโยชน์จากข้อมูลและเทคโนโลยีกลับไม่ได้แตกต่างกันเลย และแน่นอนสิ่งนี้ช่วยธุรกิจของคุณได้เช่นกัน

ตอนนี้ผมตื่นเต้นมากที่คุณสนใจหลักการ Predictive Business เหมือนกับผม

โดยหลักการ Predictive Business = Data Science + Business Analytics + Strategy

เพื่อพัฒนาธุรกิจได้ครบทั้ง 3 แง่มุมทางธุรกิจ นั้นคือ ความสามารถในการทํากําไร ,ความพึงพอใจของลูกค้า และ ความสามารถในการเติบโต คุณอาจจะไม่ค่อยเข้าใจว่าที่มาหลักการทั้งหมดนี้ทํางานอย่างไร แค่ถามตัวเองว่าหลักการเหล่านี้มีประโยชน์กับธุรกิจของคุณหรือไม่ และแน่นอนว่า Power Ladder ของเราอาสาทําเรื่องที่ว่ามาทั้งหมดไม่ว่าธุรกิจของคุณจะอยู่ในอุตสาหกรรมใด เพราะผมเข้าใจดีว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องซับซ้อนและต้องใช้เวลาในการศึกษาที่นาน สุดท้ายคุณมีอิสระที่จะเลือก ไม่มีใครบังคับให้คุณใช้เทคโนโลยีด้านข้อมูล แต่ถ้าคุณเห็นด้วยในหลักการ Predictive Business ของผม

เรามาลุยไปด้วยกันครับ

สิ่งที่เจ้าของธุรกิจอย่างคุณจะได้แน่นอน เมื่อใช้บริการ Power Ladder นั้นคือ Data Story

---

"หากคุณสามารถวัดสิ่งที่คุณพูดถึงออกมาเป็นตัวเลขได้ แสดงว่าคุณรู้จริง แต่ถ้าวัดไม่ได้ ต่อให้คุณรู้เยอะแค่ไหน ก็ไม่ช่วยอะไร"

- ลอร์ด เคลวิน -

---

เดิมธุรกิจของเรา Belly Thailand เริ่มดำเนินกิจการไปแล้วระยะหนึ่ง เรามีการทําฐานข้อมูลของลูกค้าและจัดเก็บข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับการขายไว้ใน Google Sheet แต่ไม่ได้นำข้อมูลเหล่านั้นมาใช้ประโยชน์ใดใด ซึ่งในการทำแบบทดสอบสัตว์วิเศษนั้น เรียกได้ว่าเราอยู่ในขั้น คนขี่ไดโนเสาร์ ที่ยังดําเนินธุรกิจแบบเดิมๆอยู่ เราอาจจะเคยประสบความสำเร็จในอดีต แต่ก็ไม่ได้การันตีว่าเราจะยังประสบความสำเร็จในยุคที่มีการใช้ข้อมูลและเทคโนโลยีมาช่วยในการตัดสินใจ เราจึงเริ่มนำเครื่องมือ Martech มาใช้ในการดำเนินกิจการ เช่น ActiveCampaign มาใช้เป็น CRM ในการจัดเก็บข้อมูลของลูกค้า และใช้ Looker ผลิตภัณฑ์ของ Google มาใช้ในการสร้าง Data Visualization สำหรับวิเคราะห์พฤติกรรมการซื้อสินค้าเพื่อนำเสนอและติดตามโปรโมชั่นที่โดนใจลูกค้า

เรายังเพิ่มขีดความสามารถในด้าน Predictve Business โดยใช้เครื่องมือ Looker ที่สามารถแสดงผลได้อย่าง Real-Time มาใช้เป็นเครื่องมือในการทำการตลาด ตัวอย่างเช่น การแสดงผล ROAS หรือการเปรียบเทียบรายได้กับค่าโฆษณา ทำให้เราเห็นภาพและสามารถตัดสินใจในการลงงบประมาณค่าโฆษณาได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยเป็นการตัดสินใจจากข้อมูลและตัวเลขอย่างแท้จริง Belly Thailand จึงก้าวมาอีกขึ้นหนึ่งเป็น คนขี่อูฐ ที่สามารถปรับสมดุลทั้งเรื่องงบประมาณและความคุ้มค่าสูงสุดตามทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจํากัด

อีกทั้งผมยังนําความรู้ที่ได้จากช่วงกําลังเรียน Data Science and Business Analytics ที่ Texas McCombs The University of Texas at Austin เพื่อนําทฤษฎีมาประยุกต์ใช้จริงกับธุรกิจทั้ง2 ธุรกิจของผม ที่ถึงแม้ว่า สินค้าบริการ ราคา คู่แข่งขันในตลาด หรือ พฤติกรรมผู้บริโภค ทั้งหมดจะแตกต่างกัน แต่การใช้ประโยชน์จากข้อมูลและเทคโนโลยีกลับไม่ได้แตกต่างกันเลย

ติดต่อเราเพื่อเชื่อมต่อธุรกิจของคุณกับผู้เชี่ยวชาญ Data Science และ Business Analytics

ซึ่งผมคัดสรรมาแล้วทั้งไทยและอินเดีย ได้แล้ววันนี้

ติดต่อเรา